เชียงราย ฝุ่นพุ่งโหดเกินมาตรฐานโลก 32 เท่า

ฝุ่น PM 2.5 Polution

แม้จะมีมาตรการ (แก้) วิกฤตฝุ่น PM2.5 แต่สภาพอาการที่ เชียงราย ก็ยังคงโหด ค่าฝุ่นสูงเกินมาตรฐานโลก 32 เท่า

พุ่งปรี๊ดเกินมาตรฐานจนชาวบ้านสุดทนแล้ว สำหรับหมู่เฮาชาวเชียงรายที่ต้องกระอักกับพิษฝุ่น PM2.5 ซึ่งกรมอนามัยไทยแลนด์ออกมาเปิดเผยข้อมูลล่าสุดเมื่อ 26 มีนาคมที่ผ่านมาว่า ในรอบ 24 ชั่วโมง พบค่าสูงเกินมาตรฐานอนามัยโลกถึง 32 เท่า ทำเอาประชาชนขนลุกซู่ เพราะในยามนี้ต้องต่อสู้ด้วยเกราะป้องกันของตัวเองอย่างสุดกำลัง บางบ้านทุ่มซื้อเครื่องฟอกอากาศหลายเครื่องติดตั้งในเคหสถาน โดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูกเด็กเล็กแดงชวนหวาดหวั่นต่อภยันตรายจากฝุ่นพิษทั้งในระยะสั้นและยาว

สถานการณ์ใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งฝุ่น PM2.5 กลับมาทวีความรุนแรงนั้น มีรายงานว่าสืบเนื่องมาจากไฟป่า การเผาในพื้นที่เกษตร การเผาในที่โล่ง และหมอกควันข้ามแดน โดยข้อมูลจาก GISTDA พบจุดความร้อนวันที่ 23 มีนาคม 2566 ในประเทศไทย จำนวน 2,278 จุด (ภาคเหนือ 1,516 จุด) พบในเมียนมา 5,324 จุด และใน สปป.ลาว 6,679 จุด ประกอบกับสภาพทางอุตุนิยมวิทยาที่ไม่เอื้อต่อการระบายของฝุ่นละออง ซึ่งสภาพอากาศนิ่งและเพดานการลอยตัวต่ำ ส่งผลให้เกิดการสะสมของ PM2.5 โดยเฉพาะในพื้นที่ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

สุดทน เชียงรายฝุ่นโหดมาก ลองวัดในบ้าน ทะลุเพดานค่ามาตรฐาน แล้วจะให้อยู่กันอย่างไร ขณะที่ชาวบ้านสุดระอา กับการแก้ปัญหา จะให้อยู่กันอย่างไร ฝุ่นขนาดนี้เกินที่จะทน โหดร้ายมาก

ในช่วงเวลาเช่นนี้ ชาวเชียงรายมากมายโพสต์รัวถึงความทุกข์ยาก ร้องเรียนสื่อมวลชน ตลอดจนหน่วยงานราชการ ถึงสภาพอากาศย่ำแย่จากฝุ่นพิษที่อยู่ในระดับ สีแด’ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างน่าเป็นห่วง

บางรายโพสต์ภาพการตรวจวัดค่าฝุ่นภายในบ้านพักอาศัย ขณะยังไม่เปิดเครื่องฟอกอากาศ โดยเครื่องตรวจวัดได้ถึง 600 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากค่ามาตรฐาน 50 มคก./ลบ.ม.

ชาวเชียงรายรายหนึ่งระบุว่า นี่เป็นภาวะฉุกเฉิน PM2.5 We are dying slowly! จึงขอความร่วมมือจากประชาชนในจังหวัดเชียงรายช่วยกันโพสต์ข่าว PM2.5 และติดแฮชแท็กถึงสื่อมวลชน หน่วยงานราชการ หรืออินฟลูเอนเซอร์ เพื่อให้คนในประเทศได้ตระหนักถึงสภาพอากาศที่ย่ำแย่ของชาวเชียงราย พร้อมติดแฮชแท็ก #โหนกระแส #สรยุทธ สุทัศนะจินดา #softpower #airpollution #internationalborder #ASEAN #pm2.5 อีกด้วย

ไฟป่ายังหนัก 18 อำเภอยกระดับควบคุม หมอกควันข้ามแดนสมทบซ้ำ

สำหรับหนึ่งในต้นตอปัญหา พบว่า ไฟป่าเชียงราย ยังไหม้หนัก หมอกควันพุ่งสูงสุดในปีนี้ ถึงขนาดรองผู้ว่าฯ ต้องแจ้ง 18 อำเภอยกระดับควบคุม โดยเมื่อ 26 มีนาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ มูลนิธิกระจกเงา สาขาเชียงราย พร้อมด้วยทีมอาสาสมัครดับไฟป่า และชาวบ้าน ยังคงใช้รถยนต์เข้าไปดับไฟป่าในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านห้วยขม ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย หลังไฟป่ายังคงลุกไหม้พื้นที่ป่าในหลายจุดติดต่อกันมานานถึง 3 วันแล้ว

แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามทำแนวกันไฟ เพื่อจำกัดรัศมีการเผาไหม้ แต่ก็มีหลายจุดที่ไฟข้ามแนวลุกลามไปไหม้ยังจุดอื่นๆ โดยทางอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่กระจกเงาต้องดับไฟกันเอง เนื่องจากเกิดไฟไหม้พื้นที่ป่าหลายจุดหน่วยงานภาครัฐ และเจ้าหน้าที่ดับไฟป่ากำลังจึงไม่เพียงพอ โดยในค่ำคืนวันที่ 25 มีนาคม เกิดไฟไหม้อย่างหนักบนดอยหมู่บ้านแม่สาด ต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงรายลุกไหม้เต็มขุนเขาใกล้กับหมู่บ้าน ทำให้เจ้าหน้าที่ดับไฟป่า และชาวบ้านต่างเข้าสกัดไฟ เพื่อไม่ให้ลามเข้าสู่ที่อยู่อาศัยตลอดทั้งคืน

ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘สนองดวงจันทร์’ เผยแพร่ภาพขณะเกิดเหตุการณ์ และ ‘เรียว เจแปน’ ได้เผยแพร่อีกหลายใบลงใส่กลุ่มสื่อสาธารณะพบมีเปลวไฟลุกไหม้เต็มขุนเขาตอนกลางคืนอย่างชัดเจน

จากสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ ทำให้ตัวเมืองเชียงรายมีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เพิ่มขึ้นไปอีก ขณะที่อำเภอชายแดนอย่าง อ.แม่สาย ซึ่งมีหมอกควันข้ามแดนมาสมทบ โดยพบจุดฮอตสปอตในประเทศเมียนมาและลาวจำนวนมาก ส่งผลให้วันนี้มีค่า PM2.5 สูงถึง 465 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งค่าที่สูงเป็นประวัติการณ์ของปีนี้ และที่ อ.เชียงของ วัดได้ 220 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน มีอาการแสบจมูก และหลายคนเริ่มมีอาการป่วยเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจบ้างแล้ว

สถานการณ์นี้ ร้อนถึง วราดิศร อ่อนนุช รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ออกหนังสือด่วนแจ้งให้อำเภอทั้ง 18 อำเภอเฝ้าสถานการณ์ไฟป่า และยกระดับควบคุมการเผา ดับไฟ และจัดทำแนวกันไฟ โดยให้เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน สร้างพรานป่ามาช่วยในการตรวจสอบพื้นที่ หากพบไฟป่าให้ดำเนินการดับทันที แจ้งกำนันผู้ใหญ่บ้าน ประสานผู้นำจิตวิญญาณ หรือผู้นำเงา ไม่ให้มีการชี้นำ หรือชักจูงให้มีการเผาตามความเชื่อ สำหรับอำเภอชายแดนให้ชี้แจงทำความเข้าใจประชาชน เพื่อป้องกันพฤติกรรมลอกเลียนแบบจากการพบเห็นการเผาในประเทศเพื่อนบ้าน และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด

ที่ผ่านมา พุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าฯเชียงราย เคยออกประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิดเป็นเวลา 90 วัน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์-15 เมษายนนี้ โดยแจ้งให้หน่วยงานภาคส่วนเข้มงวด หากมีการฝ่าฝืนจะต้องดำเนินคดีซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกรณีลักลอบเผาในเขตพื้นที่ป่าจะต้องระวางโทษจำคุก 1 ปี ถึง 30 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000-3,000,000 บาท

ค่าฝุ่น ทะยานเกินมาตรฐานอนามัยโลก 32 เท่า

ว่าแล้ว หันมาดูข้อมูลผลกระทบด้านสุขภาพอย่างเป็นทางการจาก นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเปิดเผยเมื่อ 26 มีนาคมว่า จากการเฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก เวลา 11.00 น. พบค่าฝุ่น PM2.5 สูงถึง 480 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในพื้นที่ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมงของประเทศไทย 9 เท่า และสูงกว่าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก 32 เท่า

นอกจากนี้ ยังพบอีก 11 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน บึงกาฬ หนองคาย นครพนม ยังมีค่าฝุ่นอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (> 91 มคก./ลบ.ม.) ซึ่งสัปดาห์นี้พื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านยังคงมีแนวโน้มการสะสมฝุ่น PM2.5 เนื่องจากลมนิ่ง รวมทั้งการเผาทั้งในประเทศและจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งพบจุดความร้อนสะสมในเดือนมีนาคมสูงถึง 25,209 จุด ส่งผลให้ฝุ่น PM2.5 อยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ

“ระดับค่าฝุ่นละอองดังกล่าว นอกจากจะส่งผลให้มีอาการต่างๆ เช่นแสบตา คันตา ตาแดง ระคายเคืองผิวหนัง ไอ หายใจลำบาก แน่นหน้าอกแล้วผู้ที่มีโรคหัวใจและระบบทางเดินหายใจ จะมีอาการที่รุนแรงมากขึ้น และหากได้รับในปริมาณมากในระยะยาว ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จะทำให้เกิดการอักเสบภายในร่างกาย เข้าไปทำลายระบบต่างๆ ในเซลล์ของปอด ทำให้เกิดโรคทั้งระบบหัวใจและหลอดเลือดและมะเร็งในระยะยาว” นพ.สุวรรณชัยระบุ

สำหรับข้อมูลจากการเฝ้าระวังอาการตนเองของประชาชน ผ่านระบบ 4HealthPM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ ช่วงเดือนมีนาคม 2566 พบว่า ประชาชนมีอาการที่เกี่ยวข้องกับการรับสัมผัสฝุ่นถึง ร้อยละ 73.2 ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2566 โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 5-14 ปี และผู้สูงอายุ

กรมอนามัย ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพตนเอง ดังนี้

1.ลดระยะเวลาหรืองดการออกนอกอาคารโดยไม่จำเป็น หากออกนอกบ้านให้สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น

2.งดการออกกำลังกายกลางแจ้ง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคทางเดินหายใจและโรคหัวใจ

3.อยู่ในบ้าน ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด หากทำห้องปลอดฝุ่นได้ ให้อยู่ในห้องปลอดฝุ่น

4.ดูแลสุขภาพเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว สังเกตอาการ หากมีอาการรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ให้รีบไปพบแพทย์

5.งดการเผา และช่วยสอดส่อง ป้องกันไม่ให้มีการเผาในชุมชน

ย้อนฟังคำตอบ ‘นายกฯตู่’ บอก ‘เอาอยู่-กฎหมายมี’ ครั้นหันไปดูแนวทางการแก้ไขของรัฐบาล ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานในภาคเหนือ ก่อนยุบสภาไม่กี่วัน โดยขณะนั้นอยู่ระหว่างลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยตอบผู้สื่อข่าวว่า ทราบเรื่องนี้และทราบทุกวัน

“ปริมาณ Hot spot ประมาณ 100 กว่าแห่งเท่านั้น มาจากข้างนอก 2,000-3,000 แห่ง ซึ่งต้องเจรจากับเขา พอเขาเจอตรงไหน ก็ขึ้นเครื่องบินเอาน้ำไปดับ เอาชาวบ้านไปช่วยดับก็ลดลงไปเรื่อยๆ จากเดิม 700-800 แห่งตอนนี้เหลือ 100 กว่าแห่ง ค่อยๆ ดับไป แต่ต้องขอร้องประชาชนว่าอย่าเผาเลย การเผาวัชพืชแบบตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หรือทิ้งก้นบุหรี่อะไรทำนองนี้ รวมถึงการใช้รถยนต์ ซึ่งเราต้องเตรียมการระยะยาวในเรื่องของการใช้รถไฟฟ้า ต้องหาทางจากวัสดุที่เหลือใช้จากพืชใบตองตึงเอามาทำถ่าน รัฐบาลต้องสนับสนุนตรงนี้ต่อไป เอาพวกนี้มาเป็นประโยชน์ดีกว่าไปเผาทิ้ง เมื่อมาดัดแปลงก็จะมีมูลค่า ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยรับไปแล้ว” นายกฯตอบ

เมื่อสื่อรุมถามต่อไปว่าแผนเฉพาะกิจในการแก้ปัญหา PM2.5 รัฐบาลเอาอยู่หรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์บอกว่า คำว่า ‘เอาอยู่’ ถ้าทุกคนช่วยกันมันเอาอยู่แน่นอน ซึ่งมันต้องช่วยกัน นายกฯไปสั่งปุ๊บลดให้ได้ แต่ถ้าคนไม่ร่วมมือจะทำได้หรือไม่

เมื่อถามว่า ถึงขั้นจะต้องปิดป่าในช่วงฤดูกาลหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ‘มันไม่ต้องขนาดนั้น’ เพราะจะกระเทือนหลายอย่าง

“ป่ามันปิดไม่ได้หรอก เพราะเป็นเรื่องหลายๆ อย่าง ทั้งการท่องเที่ยวและอื่นๆ เพียงแต่อย่าจุดเผาไฟในป่า อย่าทิ้งก้นบุหรี่ข้างถนน อย่าเผาวัชพืช เขาห้ามเผาก็อย่าเผา แต่เมื่อห้ามก็เผาแล้วจะทำอย่างไร เราบอกว่าเห็นใจ กฎหมายมันมีอยู่ ซึ่งคนที่ไม่อยากเจอ PM2.5 เขาก็ว่านายกฯ ว่าทำไมไม่กำกับดูแลติดตาม วันนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศไปแล้ว ห้ามเผาป่าวัชพืชโดยเด็ดขาด ซึ่งก็มีผลทางกฎหมายเข้าใจหรือไม่ ต้องอยู่กันอย่างนี้ ไม่เช่นนั้นจะแก้ไม่ได้” นายกฯ ลุงตู่ย้ำ

นับแต่นี้ ต้องติดตามการสางปมปัญหาที่ต้องขีดเส้นใต้เป็นวาระแห่งชาติ ไม่เพียงการแก้ไขภายในประเทศ หากแต่การพูดคุย หารือ จนถึง ‘ดีล’ กับ ‘เพื่อนบ้าน’ ยังเป็นอีกทางออกสำคัญที่ถูกตั้งคำถามถึงความจริงจัง ในช่วงเวลาก้าวสู่การเลือกตั้ง นโยบายหลากพรรคอันเกี่ยวเนื่องกับวิกฤตฝุ่น PM2.5 ก็น่าจับตามิใช่น้อย

เปิดค่าฝุ่น PM2.5 ทั่วไทย ทำนายแนวโน้มวันนี้-2 เม.ย.66

ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศทั่วประเทศ เมื่อ 26 มีนาคม พบว่า ภาพรวมปริมาณ PM2.5 ในประเทศพบเกินค่ามาตรฐานใน 21 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ น่าน แม่ฮ่องสอน พะเยา ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก ตาก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ บึงกาฬ หนองคาย เลย นครพนม มุกดาหาร และอุบลราชธานี

ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 50-590 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐาน 28 พื้นที่ สูงสุดที่ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย 590 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 6 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 33-277 มคก./ลบ.ม. สูงสุดที่ ต.บึงกาฬ อ.บึงกาฬ จ.บึงกาฬ 277 มคก./ลบ.ม.

ภาคกลางและตะวันตก ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดได้ 18-59 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออก ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 10-30 มคก./ลบ.ม. ภาคใต้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 13-21 มคก./ลบ.ม.

กทม.และปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ กทม. ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 16-76 มคก./ลบ.ม.


hosting สำหรับ wordpress โดยเฉพาะ
hosting คุณภาพสำหรับ wordpress โดยเฉพาะ

สำหรับการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ระหว่างวันที่ 27 มี.ค.-2 เม.ย. กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ คาดว่า มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเป็นลำดับ เนื่องจากสภาพอากาศที่เปิดมากขึ้น เพดานการลอยตัวอากาศที่สูงขึ้น ประกอบกับลมทางใต้ที่กำลังแรงช่วยพัดพาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่

ส่วนพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ มีแนวโน้มที่ควรเฝ้าระวังในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน

ทั้งนี้ สามารถติดตามสถานการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และ airbkk.com แอพพลิเคชั่น Air4Thai และ AirBKK

share on: