หนุ่มยอมทุ่มลาออกจากงานประจำที่มีเงินเดือนหลายแสน หันมาปลูกอะโวกาโดในเข่ง ทำรายได้หลักแสน รายได้ดีกว่างานประจำเขาทำอย่างไร
คุณเฉลิมชัย โหบาง ปัจจุบันอายุ 41 ปี เจ้าของ Secret Farm จากเดิมนั้น มีอาชีพประจำรายได้ดีในเมือง เคยทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์อยู่หลายปี แต่เหตุผลทำไมปัจจุบัน ถึงหันมาปลูกอะโวกาโด ลองไปสอบถามตามที่อยู่ หมู่ 3 ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลกกันดู
คุณเฉลิมชัย มีชื่อเล่นว่า เอ๋ ผู้สำเร็จวิชาชีพปลูกอะโวกาโด โดยเน้นไปในตลาดสายสุขภาพ และคิดว่าน่าจะโตได้ต่อเนื่องในตลาด หากศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของอะโวคาโด ก็จะทำให้ได้ผลผลิตที่ดกและมีคุณภาพดีอย่างแน่นอน
เคล็ดลับสร้างรายได้หลักแสนด้วยการปลูกอะโวคาโด
ที่สวนจังหวัดพิษณุโลกของคุณเอ๋ มีการเลือกสายพันธุ์ที่ดีและต้องมีคุณภาพสูง เพื่อให้ขายผลผลิตได้ในราคาสูง ดังนั้น จึงต้องมีการเอาใจใส่ ตั้งใจปลูกและดูแลเป็นอย่างดี โดยการศึกษามาอย่างดี ทั้งจากการทดลอง และดำเนินการด้วยตัวเอง หาตลาดเอง จนทำให้สามารถสร้างยอดขายได้ทั่วประเทศ
ในปัจจุบันช่องทางการจำหน่ายไม่ได้มีเพียงพ่อค้าคนกลางอีกแล้ว โลกเปิดกว้างมากขึ้น เราสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง อีกทั้งการจัดการสวนให้สวยงาม มีระบบการจัดการฟาร์มที่ดี ตั้งแต่ กำจัดวัชพืช โรคแมลง และระบบต่าง ๆ ในฟาร์ม ทำให้ได้ผลผลิตมากขึ้น มียอดขายมากขึ้น แม้จะอยู่ต่างจังหวัด
สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ ต้องมีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า
ปลูกอะโวคาโดแบบไหนให้ผลผลิตดี
ที่ฟาร์มนี้ นอกจากบริหารจัดการเรื่องสายพันธุ์ปลูกแล้ว ยังบริหารเรื่องการปลูก เดิมทีปลูกลงดินก็ให้ผลผลิตดีอยู่ แต่อยากได้เพิ่ม จึงพัฒนาเรื่องการจำกัดเนื้อที่ปลูก โดยการทดลอง ปลูกอะโวคาโดในเข่ง และได้ผลค่อนข้างดี และปลูกได้มากขึ้น เพราะใช้ระยะห่างแค่ 2×2 เมตรเท่านั้น
ข้อดีของการปลูกในเข่ง จะเป็นเรื่องของพื้นที่ และการดูแลเรื่องวัชพืช ทำได้ง่ายขึ้น ง่ายต่อการขนย้ายถ้าบริเวณที่ปลูกมีน้ำท่วมขัง อีกทั้งการให้ปุ๋ยก็สะดวก ส่วนใหญ๋ที่ฟาร์ม จะเน้นการให้ปุ๋ยคอก และจำกัดเนื้อที่ให้อยู่แต่ในเข่ง ก็ทำให้ปุ๋ยสามารถสร้างประโยชน์ให้ต้นอะโวคาโดได้มากขึ้น
ปัจจัยอีกอย่างที่สามารถเพิ่มผลผลิตให้ได้ คือการเลือกซื้อต้นกล้า ต้องซื้อจากแหล่งผลิตที่มีความน่าเชื่อถือ ตรงตามสายพันธุ์ ต้นพันธุ์แข็งแรง ระบบรากเจริญดี เลือกที่เป็นพันธุ์ที่ให้ลูกดก
สายพันธุ์ที่ฟาร์มเลือกปลูก มีทั้งหมด 6 ชนิด
แบ่งเป็นสายพันธุ์จากเวียดนาม คือ
1. อะโวกาโดสายพันธุ์ 034 ซึ่งตลาดในประเทศไทยไม่พอขาย ส่วนใหญ่นำเข้ามา กิโลกรัมละ 80-100 บาท พันธุ์นี้มีลักษณะผลยาว ปลายผลป่องออกเล็กน้อยและแทรกด้วยเมล็ด เนื้อผลสีเหลืองสดรสชาติมันเหนียวและเนื้อไม่ติดเปลือก ล่อนง่าย สีผิวเปลือกมีสีเขียวเข้มมันวาว
2. อะโวกาโดสายพันธุ์ไร้เมล็ด ผลสุก นิ่มเล็กน้อย กินอร่อย เนื้อในจะคล้ายๆ พันธุ์ 034 ไม่ได้หวานมาก จะเน้นทางมันมากกว่า เนื้อในจะหนาเพราะไม่มีเมล็ด แต่เปลือกจะหนา ลอกเปลือกออกง่าย
3. อะโวกาโดสายพันธุ์เตี้ยเวียดนาม เนื้อผลสีเหลืองสด รสชาติมันเหนียวและเนื้อไม่ติดเปลือก แกะเปลือกออกง่าย สีผิวเปลือกมีสีเขียวเข้มมันวาว ขนาดของลูกใหญ่ปานกลาง
สายพันธุ์ที่ได้จากไทย
4. อะโวกาโดสายพันธุ์ชมพูสยาม ต้นเกิดจากการเพาะเมล็ด กลายพันธุ์ดี ด้วยรสชาติที่มีความหวาน มัน แต่สีของเนื้อในจะไม่ค่อยจัดเท่าใดนัก ลูกใหญ่เฉลี่ย 2 ลูกต่อกิโลกรัม เนื้อเยอะ เมล็ดน้อย ลอกเปลือกออกง่าย
5. อะโวกาโดสายพันธุ์จรัสแสง รสชาติจะออกหวานมากกว่าพันธุ์อื่น ลูกใหญ่ รสชาติหวานมัน เหนียว สีเนื้อในเหลืองสด
สายพันธุ์จากอินโดนีเซีย
6.อะโวกาโด เรด โกลเด้น สวีท (Red Golden Sweet) เป็นอะโวกาโดที่มีราคาค่อนข้างสูง ราคาขายผลปัจจุบันกิโลละ 270 บาท ต่างประเทศกิโลกรัมละ 1,000 บาท อะโวกาโด เรด โกลเด้น สวีท ตอนนี้กว่า 90% ของพื้นที่ปลูกที่ฟาร์ม เนื่องจากราคาตลาดค่อนข้างสูง กิโลกรัมละ 270 บาท
พันธุ์นี้มีจุดเด่นที่ผลสีเหลืองทอง ผลสุกแล้วจะสีแดง สวยงาม เป็นพันธุ์ที่ต้นไม่ค่อยใหญ่มาก ลักษณะต้น ยอดจะเป็นสีส้มแดง ใบแก่สีเขียวอ่อนไม่เขียวเข้มเหมือนสายพันธุ์ทั่ว ๆ ไป ปลูกได้ดีทั้งในเข่งและลงดิน
พันธุ์อะโวคาโดที่ให้ผลผลิตดีสุด
ฟาร์มเลือกปลูก อะโวคาโดพันธ์ุ เรด โกลเด้นสวีท เพราะว่าสีสันสวยงาม สังเกตตอนเก็บผลแก่ง่าย เพราะเขาเปลี่ยนสีชัดเจน รสชาติหวานมัน เนื้อละเอียดเหนียว ลอกเปลือกออกง่าย ส่วนสายพันธุ์ที่กล่าวมาข้างต้นก็ทยอยเปลี่ยนเป็นพันธุ์ เรด โกลเด้น สวีท แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งพันธุ์อื่น เพียงแต่ลดพื้นที่ปลูกตามตลาดนิยม
เทคนิคการสร้างรายได้หมุนเวียน
ในช่วงที่ผ่านมามักพบปัญหา ต้นอะโวกาโดตายในปีแรกหลังปลูก มีสาเหตุหลายอย่าง เช่น ความสมบูรณ์ของต้น โรคที่ติดมากับเมล็ดที่นำมาเพาะ ช่วงที่เวลาปลูก การดูแลต้นหลังปลูก ดังนั้น การจะปลูกต้นอะโวกาโดให้รอด ต้องเริ่มจากการเลือกต้นพันธุ์ที่ปลอดเชื้อโรค ปลูกในเข่งจะให้ผลผลิตดกมากกว่าปลูกลงดิน เพราะการควบคุมปุ๋ยและน้ำได้ตามต้องการ
และใช้พื้นที่ได้คุ้มค่ากว่า ปลูกได้มากกว่า จึงทำให้มีรายได้หมุนเวียนทุกเดือน โดยการปลูกเพื่อควบคุมให้เกิดผลผลิตไม่ตรงกันของแต่ละสายพันธุ์ ทำให้มีผลผลิตส่งขายสร้างรายได้หมุนเวียนในครัวเรือนได้ ปกติต้นอะโวคาโด จะเริ่มให้ผลผลิตตั้งแต่เดือนเมษายน ไปจนถึงสิ้นปี โดยมีเคล็ดลับการปลูกคือ
ใช้ต้นแข็งแรง และเสียบยอดใส่เข่ง ต้นที่มีขนาดเล็ก ราคาจะอยู่ประมาณเข่งละ 20 บาท จะสร้างดอกเร็วใช้เวลาแค่ปีครึ่ง ปีแรกก็ให้ผล 1-2 ลูก ปีที่สองให้ดอกให้ผล ตามขนาดต้น แต่ไม่เกินลำต้นที่แบกได้ แต่สามารถย้ายลงเข่งที่มีขนาดใหญ่ได้ การที่จะทำให้ต้นเตี้ยแต่ให้ผลผลิตในเข่งได้นานๆ นั้น หลังจากเก็บผลแล้ว ต้องตัดแต่งให้ต้นสั้นลง หลักการแบบเดียวกับปลูกไม้ผลทั่วไป
ส่วนการให้น้ำ และการบำรุงต่าง ๆ จะใช้มินิสปริงเกลอร์หัว 40 ลิตร ให้น้ำวันละ 1 ชั่วโมงทุกวัน เพราะต้นอะโวคาโดเป็นพืชชอบน้ำ ให้ปุ๋ยสูตรเสมอ 16-16-16 ช่วงก่อนฤดูมีดอก 3 เดือนจะใส่ 8-24-24 หรือต้นไม้ชนิดไหนที่เราอยากให้ต้นเล็กและมีผลเร็ว ๆ ก็จะใส่ 8-24-24 อย่างเดียว แต่หลัก ๆ แล้วใช้ปุ๋ยคอกดีที่สุด
สนใจสอบถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับการปลูกอะโวคาโดได้ที่ สวนซีเคร็ทฟาร์ม (Secret Farm) ติดต่อคุณเฉลิมชัย โหบาง หรือ คุณเอ๋ ที่ facebook.com/Secret789Farm หรือ Line ID : ae.hobang หรือโทรศัพท์ : 088-791-9699
อ้างอิง :