วัคซีนโควิดล่าสุด จากข่าวที่รายงานหลายสื่อ ก็ระบุตรงกันว่า มาจาก โมเดอร์น่า ที่เป็นวัคซีนแบบ mRNA และต้องผสม 2 แบบในโดสเดียวกัน
เรียกว่าแบบ ไบวาเลนต์ มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้ทั้งสายพันธุ์ โอมิครอน และสายพันธุ์ดั้งเดิม ซึ่งตัววัคซีนโควิด เจเนเรชั่น 2 นี้ ผลิตออกมาโดย บริษัท โมเดอร์น่า
โดยบริษัทนี้ เติบโตต่อเนื่อง แต่หลายคนรู้ไหมว่า เขาก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2553 ก่อนนั้นใช้ชื่อบริษัทว่า ModeRNA Therapeutics โดย นักชีววิทยาสเต็มเซลล์ ชื่อว่า เดอร์ริค รอสซี ร่วมกับเพื่อน ๆ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอีก 3-4 คน เท่านั้น
กลับมาว่ากันถึงเรื่อง วัคซีนโควิดตัวล่าสุดนี้ ที่กำลังออกมา ทราบว่า ยังต้องใช้ในอังกฤษก่อน ยังไม่ถูกนำออกมาใช้ในต่างประเทศ ส่วนประเทศไทยเอง ก็ต้องรอต่อไปยาว ๆ แต่วัคซีนตัวนี้ เป็นวัคซีน mRNA ผสม 2 แบบในโดสเดียวกัน ทั้งแบบเดิม ที่พัฒนามาจากโควิดไวรัสสายพันธุ์อู่ฮั่น และแบบใหม่ ที่พัฒนาจากสายพันธุ์โอมิครอน
มองเผิน ๆ จะเห็นว่า คล้ายกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่มีการพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ นั่นก็เพื่อให้พร้อมกับ การกลายพันธุ์ของไวรัส ที่มีอยู่ทุกวัน จนหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า เราต้องฉีดกันกี่เข็ม ถึงจะไม่เป็นโควิด-19 อีก คำตอบคือ ไม่มีใครตอบได้ ตราบใดที่ ไวรัส ยังคงกลายพันธุ์อยู่เรื่อย ๆ และวัคซีนใหม่ ๆ ก็จำเป็นต้องออกมา เรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน
จึงทำให้มีมาตรการ คนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงบางกลุ่ม ต้องได้รับฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ปีละครั้ง ส่วนวัคซีนโควิดล่าสุด ไบวาเลนต์ นี้ คาดการณ์กันว่า น่าจะมาในต้น ๆ ปีหน้า (2566) เพราะต้องรอให้ พี่ใหญ่ทางยุโรป อเมริกา ฉีดทดสอบกันเสร็จเรียบร้อยไปก่อน ยังไงเสีย ก็เตรียมแขนรอไว้ได้เลย
วัคซีนโควิด-19 ตัวล่าสุดคือ ไบวาเลนต์ (Bivalent)
หน่วยงานกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (MHRA) ได้อนุมัติ วัคซีนโควิด-19 รุ่นใหม่ของ บริษัทโมเดอร์นา (Moderna) ที่เป็นแบบ “ไบวาเลนต์ (Bivalent)” ก็คือ วัคซีนตัวนี้ สามารถกำหนดเป้าหมาย ให้ไปต่อต้านเชื้อได้ ทั้งโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม และสายพันธุ์โอมิครอน
วัคซีนโควิดล่าสุด ตัวนี้ สหราชอาณาจักร เป็นประเทศแรก ที่อนุมัติวัคซีนชนิดนี้ โดยทาง MHRA ก็พิจารณาให้ใช้วัคซีนโควิด-19 นี้เป็นเข็มกระตุ้นใน ประชากรผู้ใหญ่ และจากการตัดสินใจของหน่วยงาน ก็พิจารณาจากข้อมูลการทดลองทางคลินิกเบื้องต้น ที่แสดงให้เห็นว่า หากฉีดวัคซีนโควิด-19 ไบวาเลนต์ เป็นเข็มกระตุ้นไปแล้ว จะสามารถกระตุ้น การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่ง ต่อทั้งโควิด-19 โอมิครอน (BA.1) และไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิมที่พบในปี 2020 ได้สูงถึง 8 เท่า
ทั้งนี้ MHRA ยังอ้างถึง การวิเคราะห์เชิงสำรวจ ซึ่งก็พบว่า วัคซีนตัวใหม่นี้ ยังสร้างการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่ดี ต่อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์หลักในปัจจุบัน อย่างโอมิครอน BA.4 และ BA.5 ได้อีกด้วย
ส่วนผลข้างเคียงหลังฉีด พบข้อมูลว่า แทบไม่แตกต่างจากวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตจาก บ.โมเดอร์นา ในรุ่นปัจจุบัน ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก เลย และมีผลข้างเคียง เล็กน้อยถึงปานกลาง ซึ่งสามารถหายได้เอง
วัคซีนป้องกันโควิด-19 รุ่นแรก ที่ใช้ในสหราชอาณาจักร ยังคงให้การป้องกันโรคที่สำคัญ และช่วยชีวิตคนได้ แต่สิ่งที่วัคซีนไบวาเลนต์นี้มีคือ มันจะเป็นเครื่องมือที่แหลมคม ในคลังอาวุธของเรา เป็นตัวช่วยปกป้องเรา จากโรคนี้ในขณะที่ไวรัสยังคงพัฒนาต่อไป นี่เป็นคำกล่าวจาก ดร.จูน เรน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MHRA เองเลยนะ
ทางด้าน ศ.เซอร์ มูเนอร์ เพอร์โมฮาเหม็ด ประธานคณะกรรมาธิการเวชศาสตร์มนุษย์ ก็สนับสนุนและเห็นด้วยกับการตัดสินใจของ MHRA ซึ่งเขาได้กล่าวว่า ทางคณะกรรมาธิการเวชศาสตร์มนุษย์ และคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนโควิด-19 ได้ตรวจสอบข้อมูลด้านความปลอดภัย คุณภาพ และประสิทธิผลของวัคซีนไบวาเลนต์ตัวนี้แล้ว
วัคซีนไบวาเลนต์ชนิดใหม่นี้ จึงเป็นขั้นตอนต่อไปในการ พัฒนาวัคซีน เพื่อต่อสู้กับไวรัส ด้วยความสามารถที่วัคซีนมี จะนำไปสู่การตอบสนองทางด้านภูมิคุ้มกัน ที่ครอบคลุมกว่าวัคซีนดั้งเดิม และเห็นด้วยกับการตัดสินใจของ MHRA ที่ประกาศให้ใช้ วัคซีนโควิด-19 ตัวล่าสุดนี้กับประชาชน
ยอดผู้ติดเชื้อโควิดล่าสุด ณ 16/8/65
จากรายการข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก
ส่วนวัคซีนโควิดตัวใหม่นี้ ประเทศไทยก็รอกันไปก่อน ต้นปีหน้าอาจจะมา ถ้ารัฐบาลจัดซื้อได้เร็ว
อ้างอิงข้อมูลจาก : www.pptvhd36.com/health/news/1520
เรียบเรียง : www.swenth.com