บัวบก ถือเป็นผักและสมุนไพร แก้ช้ำในได้ดี บางคนนิยมนำมาปั่นเป็นน้ำดื่มสมุนไพร (แนะนำให้กินทั้งกาก จะได้ประโยชน์กว่า)
แต่ในยุคโควิด 2565 นี้ อาจกินแล้วช้ำหนักกว่าเดิม เมื่อเห็นราคาน้ำสมุนไพรที่เอา ใบบัวบก มาปั่น ถึงกับต้องเงิบ ขนาดขายต้นขายใบ ยัง 60 บาท เอามาปั่นแบบนี้ ไม่ล่อไปแก้วละร้อยเลยเหรอ ราคาพอกับกาแฟชั้นดีเลยทีเดียวเชียว
บัวบกแพง แก้ยังไงไหว
จากเพจลุงสรยุทธ แชร์ภาพข่าว บัวบกแพง กิโลกรัมละ 60 บาท โดยขึ้นราคาจากต้นปี จาก 15 บาท ขึ้นมาได้ยังไง คนไทยช้ำในกันถี่นักจึงทำให้ ผักสมุนไพร ชนิดนี้ มีความต้องการสูง หรืออย่างไร เราต้องหาข้อมูลต่อ
ข่าวบอกว่า ราคาขึ้นจากเดิมถึง 4 เท่า สาเหตุที่พบคือ เพราะราคาน้ำมัน และราคาปุ๋ย แพง ทำให้ต้นทุนการขนส่ง และการผลิต ที่เพิ่มขึ้น ราคาสินค้าก็ต้องไม่น้อยหน้า จำเป็นต้องขึ้นราคาตามไปด้วย
ผลจากราคาน้ำมัน และ ปุ๋ยเคมี ที่มีแนวโน้มไม่ลดลงเลย ได้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวสวน ใบบัวบก และผักหลายชนิด มีการปรับขึ้นราคาตาม ๆ กันมาเป็นระลอก สำหรับใบบัวบกนั้น จากเดิมขายกันอยู่ที่ กิโลกรัมละ 15 บาท วันนี้ (06/07/2565) มีการปรับราคาเป็น กิโลกรัมละ 60 บาท เลยทีเดียว
บัวบก เหตุผลที่แพง
ตามผู้สื่อข่าวไปลงพื้นที่สำรวจ ที่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เป็นแหล่งเพาะปลูกต้นใบบัวบกมากสุด เจอ นางแหม่ม เย็นเพชร อายุ 52 ปี ชาวสวน ได้เปิดเผยมาว่า ผลจากราคาน้ำมัน และปุ๋ยเคมี ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น จากเดิมขาย ใบบัวบก อยู่ที่ กิโลกรัมละ 15 บาท ตั้งแต่ต้นปีแล้ว แต่ปัจจุบัน จำเป็นต้องขยับราคามาเป็น กิโลกรัมละ 60 บาท ตามสภาวะต้นทุนที่มีแพงขึ้น ซึ่งผู้เขียนเองก็ไม่รู้ว่า เอาปัจจัยอะไรมาคิดการบวกราคา เพราะขึ้นไปมากถึง 4 เท่า
ได้เหตุผลว่า การปลูกต้นใบบัวบก ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง เพราะไม่ค่อยมีแมลงมารบกวน แต่ก็มีต้นทุนเรื่องปุ๋ยเคมี น้ำ (ในคลอง) อาจต้องใช้เครื่องสูบน้ำจากคลอง รวมทั้งต้องใช้สแลนกันแดด 50 เปอร์เซ็นต์
(แล้วก่อนนั้นคงไม่ได้ใช้ แดดไม่ค่อยแรง ตอนนี้เลยต้องใช้) เพื่อให้ร่มเงาที่เหมาะสม กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะมาสั่งซื้อไปทำยา เพราะเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์
ด้าน นายนรินทร์ อินทวงศ์ เกษตรอำเภอไทรน้อย จ.นนทบุรี ก็ให้ข้อมูลผู้สื่อข่าวมาว่า ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี อำเภอไทรน้อย ถือเป็นแหล่งเพาะปลูกรายใหญ่ที่สุด รวมพื้นที่ปลูก ประมาณ 160 ไร่ จาก 6 อำเภอด้วยกัน ต้องยอมรับว่า ราคาของใบบัวบก แพงจริง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงหน้าแล้ง ราคาจะปรับตัวสูงเป็นพิเศษ เพราะผลผลิตจะออกมาน้อยในช่วงนั้น (ผู้เขียนสงสัยว่า นี่คงจะเข้า ฤดูร้อน หรือหน้าแล้งแล้ว) ส่วนราคาในช่วงนี้ ก็เป็นไปตามกลไกตลาดที่ ราคาน้ำมัน และปุ๋ยเคมี ที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงตามไปด้วย (อ๋อ เป็นอย่างนี้ นี่…เอง)
ดังนั้นทางเกษตรอำเภอ จึงได้แนะนำให้ชาวสวน ผู้เพาะปลูก ใบบัวบก หันไปใช้ปุ๋ยธรรมชาติ หรือปุ๋ยหมัก ที่สามารถทำได้เอง ทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมี ที่ยังคงมีราคาสูงอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต และประหยัดรายจ่ายต่อไป ใครยังไม่รู้ว่า ปุ๋ยหมักเขาทำกันอย่างไร ดูเลย การทำปุ๋ยหมัก 7 วันเห็นผล
ใครช้ำในอยู่ อย่าเพิ่งกระอักเลือดกันล่ะ
ดูประโยชน์และลักษณะทางกายภาพของต้นบัวบก ได้จากลิ้งด้านล่าง
ที่มา : www.bangkokbiznews.com/news/1013894
อ้างอิง : บัวบก
เรียบเรียง : www.swenth.com
