ติดโควิด-19 มีอาการแบบไหน เช็ค 8 อาการ ที่เข้าข่ายว่าติดเชื้อโควิด-19 แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน สายพันธุ์โอมิครอน ระบาดรุนแรง ลองมาดูกันว่า อาการแบบนี้ เรียกว่าติดเชื้อหรือยัง?
กดอ่านเนื้อหาที่มีประโยชน์เกี่ยวกับ โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน :
ลองมาเช็คอาการด่วน…ว่าอาการแบบนี้ ติดเชื้อแล้วหรือยัง…
8 รายการที่บ่งบอก ว่าติดเชื้อโควิด-19 แล้ว
- อาการไอ ไม่ใช่จาม
อาการไอ จะเป็นหนึ่งของอาการเบื้องต้น สำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด 19 เพราะเชื้อไวรัสติดต่อผ่านระบบทางเดินหายใจเป็นหลัก (บางคนเข้าใจผิดว่าเข้าทางปาก ซึ่งทางปากจะมีโอกาสติดเชื้อต่ำกว่าทางจมูก) เมื่อเชื้อเข้าทางจมูก ทำให้เชื้อไวรัสส่วนใหญ่ไปอยู่ที่บริเวณลำคอซึ่งเป็นทางผ่านของอากาศ ส่งผลให้เกิดอาการคันคอ จนต้องมีการไอออกมาเป็นระยะ และต่อเนื่อง - อาการเจ็บคอ
หนึ่งในสาเหตุหลักของการติดเชื้อ จากสาเหตุในข้อแรก เชื้อโควิด-19 จะเข้าไปแทรมซึมผ่านกล่องเสียง ทำให้เกิดการอักเสบ ร่างกายจะสร้างเมือกขึ้นมาจนกลายเป็นเสมหะ คล้ายไข้หวัด แต่หายยากกว่า - มีไข้ร่วมกับอาการอื่น
การมีไข้ หรือตัวร้อนจัด ร่วมกับการไอต่อเนื่อง และเจ็บคอ เป็นอาการเบื้องต้นที่บ่งชี้ว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อนั้น กำลังได้แสดงอาการต่อต้านของร่างกาย เพราะเชื้อเริ่มกระจายตัวและมีปริมาณที่มากขึ้นจนร่างกายเริ่มรับไม่ไหว ในผู้ป่วยบางรายอาจแสดงอาการรุนแรง มีอาการช็อก เพ้อ ไม่รู้ตัว อุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่า 37.8 องศาเซลเซียส - ปวดกล้ามเนื้อ
อาการปวดกล้ามเนื้อ จะคล้ายกับไข้หวัด แต่เมื่อมีตัวร้อนและไอด้วย ยิ่งมั่นใจได้ว่าติดเชื้อโควิด-19 แน่นอน โดยเฉพาะอาการปวดกล้ามเนื้อ จะไม่เหมือนกับการปวดกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกาย หรือการทำงานหนัก หรือพิษไข้หวัดแบบปวดเนื้อปวดตัว เพราะจะเป็นการปวดกล้ามเนื้อที่มีความอ่อนเพลีย ร่างกายเหนื่อยล้า เป็นความรู้สึกที่ผิดปกติอย่างชัดเจน ในบางรายนั้นถึงขนาดที่ไม่สามารถลุกขึ้น หรือหยิบจับสิ่งของได้เลย ข้อแนะนำ ไม่ควรกินยาลดไข้ชนิดแรง - มีน้ำมูกไหล
หากมีแค่น้ำมูก แต่ไม่ไอต่อเนื่อง และไม่เจ็บคอ อาจเป็นเพียงอาการแพ้อากาศ แต่หากมีอาการเริ่มแรกข้างต้น และมีน้ำมูกด้วย จะเป็นอาการของคนที่ติดเชื้อโควิด-19 และอยู่ในระยะเสี่ยงแพร่เชื้อ เพราะน้ำมูกกับเสมหะ เป็นแหล่งรวมของเชื้อไว้รัสมากมายที่พร้อมขยายตัวตลอดเวลา เมื่อร่างกายกำจัดออกมาในรูปแบบของสารคัดหลั่ง ไอ จาม น้ำมูกไหล หากไม่ได้รับการกำจัดหรือฆ่าเชื้อที่ถูกวิธี โอกาสที่เชื้อโควิดจะแพร่กระจายต่อไปได้มีสูงมาก - ปวดศีรษะ
เมื่อมีไข้ ปวดเมื่อย และสุดท้าย จะปวดศีรษะ ในบางรายอาจมีอาการปวดขั้นรุ่นแรง จนต้องเข่ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน - ไม่รับรู้ กลิ่น รสสัมผัส
ปกติอาการเหล่านี้จะเกิดจากสายพันธุ์อื่น เช่น เดลต้า หรือโควิด-19 สายพันธุ์แรก แต่มีบางรายที่เป็นสายพันธุ์ผสมที่มี โอมิครอน ร่วมด้วย การสูญเสียความสามารถในการได้กลิ่นและรสสัมผัสนั้น เป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนว่า คืออาการของผู้ป่วยโควิด-19 เนื่องจากเชื้อไวรัสจะเข้าไปทำลายระบบรับสัมผัสในร่างกาย ส่งผลให้ประสาทรับรู้รสและกลิ่น เสื่อมสภาพไปในที่สุด แต่ภายหลังจากหายจากอาการติดเชื้อ ระบบรับสัมผัสทั้งหมดจะค่อยฟื้นกลับมาเป็นปกติ มีบางเคสเท่านั้นที่ช้ากว่าปกติ - หอบ เหนื่อย หายใจลำบาก
ไวรัสลงปอด จะเกิดอาการหายใจลำบาก คล้ายปอดบวม เป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก ต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร็วที่สุด (ดู ผู้ป่วยฉุกเฉิน โควิด-19 โครงการ UCEP Plus รักษาฟรีที่ไหนก็ได้) ก่อนที่ปอดจะถูกทำลายไปมากกว่านี้ เพราะจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ในผู้ป่วยบางรายอาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่คิดว่า โควิด-19 สามารถรักษาให้หายได้ และอาการไม่รุนแรง นั่นเพราะเป็นผลมาจากวัคซีนช่วยไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปในอวัยวะสำคัญอย่างรวดเร็ว เช่น ลำคอ ปอด แต่ก็มีไม่น้อยที่ผู้ป่วยร่างกายไม่แข็งแรง และมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูร่างกายต่ำ เช่น ในผู้สูงอายุ ก็อาจเสียชีวิตจากสายพันธุ์โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้ แม้ว่าจะฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม
ส่วนการฉีดวัคซีนนั้น ผู้ป่วยจะมีอาการไม่รุนแรง ในบางรายอาจไม่แสดงอาการเลยก็มี และเพื่อป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์นี้ และสายพันธุ์ต่างๆ ที่กำลังผสมปนเปกันอยู่ โดยเฉพาะ เดลตาครอน หรือแม้แต่ สายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน ที่มีการเฝ้าระวังกันอยู่ในตอนนี้
สำหรับประเทศไทยเองก็เจอ เดลตาครอน ไปแล้วถึง 73 ราย (update ล่าสุด 23 มี.ค.65) ซึ่งทาง นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก็ออกมาเปิดเผยเองว่าเป็นเรื่องจริง (อ้างอิงที่ www.bangkokbiznews.com/social/995297)
อ้างอิงเรื่อง/ภาพ : thethaiger.com/th/news/549321/
เรียบเรียง : www.swenth.com