ไทยได้ประโยชน์อะไรก...
 

อยากมีเนื้อหาและ Backlink คุณภาพดีไหม ลองดูก่อน ราคาไม่แพง เราบริการโฆษณาสินค้าบนช่องทาง Guest Post รับรองว่าเนื้อหาคุณภาพ มีลิ้งกลับให้แบบคุณภาพ dofollow ในราคาเริ่มต้นเพียง 500 บาทเท่านั้น สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติม กดเลย [รับโฆษณาสินค้าบน Guest Post] มีเงื่อนไขไม่มาก

ไทยได้ประโยชน์อะไรกับการลงทุนอีวี

1 Posts
1 Users
0 Reactions
194 Views
Posts: 185
 swen
Admin
Topic starter
(@swen-post)
Member
Joined: 4 years ago

บีโอไอ เคลียร์ปมร้อน “ไทยได้ประโยชน์ลงทุนอีวี”

กรณีมีประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับประโยชน์ของการลงทุนจากบริษัทต่างชาติที่มีต่อประเทศไทย

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ยืนยันว่า การส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) มีความจำเป็นต่อการสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจในระยะยาว รักษาความเป็นผู้นำฐานการผลิตรถยนต์ของภูมิภาคอาเซียน ท่ามกลางการแข่งขันระหว่างประเทศที่เข้มข้น หมายรวมไปถึงเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยให้ได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม

บีโอไอยืนยันว่า การผลักดันการลงทุนในอุตสาหกรรม EV เป็นส่วนสำคัญของการรักษาความเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของอาเซียน ซึ่งอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมจากรถยนต์สันดาปภายใน (ICE) สู่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตามแนวโน้มโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย หมายรวมไปถึงเวียดนาม ต่างแข่งกันดึงการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้

ประเทศไทยจึงต้องช่วงชิงการเป็นฐานผลิต EV ในทุกเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นไฮบริด (HEV), ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV), Range-Extended EV (REEV) ประกอบกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) โดยเป็นการทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงานภายใต้คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เช่น บีโอไอ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมถึงสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) ผ่านนโยบายหมายรวมไปถึงมาตรการสนับสนุนต่อเนื่อง

ส่งผลให้ผู้ผลิต EV ระดับโลกหลายรายตัดสินใจใช้ไทยเป็นฐานการผลิตหลักในภูมิภาค เช่น MG, Great Wall Motor, GAC Aion, Changan, Omoda & Jaecoo, Foton ประกอบไปด้วย Hyundai การลงทุนเหล่านี้ช่วยเพิ่มกำลังการผลิต สร้างงานให้คนไทยจำนวนมาก เสริมสร้าง Supply Chain ในประเทศ ประกอบกับเพิ่มมูลค่าการส่งออก อีกทั้งยังส่งเสริมไทยให้เป็นศูนย์กลางวิจัยร่วมด้วยพัฒนาดังกรณีบริษัท Changan ที่ได้ประกาศจัดตั้งศูนย์วิจัยขนาดใหญ่รวมถึงสำนักงานภูมิภาคในไทย

นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนผู้ผลิตรถยนต์เดิมในประเทศให้สามารถเปลี่ยนผ่านสู่ EV ผ่านมาตรการส่งเสริมรถยนต์ HEV, MHEV หมายรวมไปถึง PHEV ส่งผลให้ผู้ผลิตรายเดิมอย่าง Mazda, Nissan, Mitsubishi รวมถึง Isuzu ได้ประกาศแผนขยายลงทุนผลิตรถยนต์ EV ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อการส่งออก

*สร้างประโยชน์รอบด้าน ลงทุน จ้างงาน ยกระดับซัพพลายเออร์ไทย
นายนฤตม์ กล่าวว่า การลงทุนในอุตสาหกรรม EV ถือว่ายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ทั้งการประกอบรถยนต์ การผลิตชิ้นส่วนร่วมกับระบบสำคัญ ร่วมด้วยการติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า ซึ่งผลประโยชน์จะไม่ได้เกิดขึ้นครบถ้วนในวันแรก แต่จะค่อย ๆ เติบโตบวกกับขยายผลในระยะยาว โดยปัจจุบันนโยบาย EV ได้เริ่มสร้างผลสัมฤทธิ์ที่จับต้องได้ในหลายมิติ ดังนี้

-การจ้างงานคุณภาพ ผู้ผลิต EV รายใหม่ที่เข้ามาลงทุนในไทย เช่น MG, GWM, BYD, GAC Aion, Changan ส่วนใหญ่เพิ่งเริ่มต้นผลิตไม่ถึง 1 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันได้จ้างงานรวมแล้วกว่า 9,600 คน โดยร้อยละ 85 – 95 เป็นบุคลากรไทย ครอบคลุมตั้งแต่ช่างเทคนิค วิศวกร ไปถึงระดับบริหาร หมายรวมไปถึงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งมีการฝึกอบรมบุคลากรไทยเหล่านี้ ให้มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิต EV ที่ทันสมัย ซึ่งจะกลายเป็นองค์ความรู้ที่สำคัญของประเทศต่อไป

ยกตัวอย่างกรณี BYD ซึ่งเป็นผู้ผลิต EV ที่จ้างงานมากที่สุดกว่า 5,900 คน ในจำนวนนี้เป็นคนไทยถึงร้อยละ 88 ประกอบกับวางแผนเพิ่มเป็น 8,000 คนในปี 2569 โดยจะเป็นคนไทยถึงร้อยละ 95

-การพัฒนาซัพพลายเออร์ไทย บีโอไอ กรมสรรพสามิต รวมถึงกระทรวงอุตสาหกรรม มีข้อกำหนดแผนพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย รวมทั้งการใช้ชิ้นส่วนสำคัญในประเทศ เช่น แบตเตอรี่, Traction Motor, PCU Inverter, Reduction Gear, คอมเพรสเซอร์ระบบปรับอากาศ, ระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ (BMS) รวมถึงระบบควบคุมการขับขี่ (DCU)

ปัจจุบันผู้ผลิต EV มีสัดส่วน Local Content เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 40 – 60 อีกทั้งเริ่มมีการพัฒนาผู้ผลิตไทย ผ่านการจัดอบรมเชิงเทคนิค การให้คำปรึกษา ประกอบไปด้วยส่งวิศวกรเข้ามาทำงานร่วมกัน ตัวอย่างเช่นผู้ผลิตรายใหม่อย่าง BYD จับมือซัพพลายเออร์ไทยแล้ว 35 ราย รวมไปถึงขึ้นทะเบียนใช้ชิ้นส่วนในประเทศแล้ว 415 รายการ

-การสร้างระบบนิเวศ EV นอกจากเงื่อนไขการใช้ชิ้นส่วนสำคัญในประเทศ บีโอไอยังกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สถานีบริการอัดประจุไฟฟ้า สถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ บวกกับการจัดการแบตเตอรี่ใช้แล้ว เพื่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรมรวมไปถึงสิ่งแวดล้อม

*บทบาทของบีโอไอในการเชื่อมโยงซัพพลายเชน
นายนฤตม์ กล่าวว่า บีโอไอให้ความสำคัญกับการสร้าง Supply Chain ของอุตสาหกรรม EV ภายในประเทศ จึงได้เร่งเชื่อมโยงผู้ผลิตโลกกับผู้ประกอบการไทย โดยจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น งานใหญ่ประจำปี Subcon Thailand, การจัดงาน Sourcing Day ร่วมกับค่ายรถยนต์ EV ต่างๆ กว่า 10 ครั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งจะมีซัพพลายเออร์ไทยเข้าร่วม 200 – 300 ราย

เป็นจุดเริ่มต้นให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยมาพบกับบริษัท EV ระดับโลก ช่วยลดระยะเวลาในการจัดหาชิ้นส่วนและเปิดทางสู่ความร่วมมือเชิงลึกกับซัพพลายเออร์ไทยมากขึ้น คาดว่าจะสร้างมูลค่าเชื่อมโยงทางธุรกิจกว่า 40,600 ล้านบาท

บีโอไอ จะช่วยผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยในการปรับตัวเพื่อเข้าสู่ Supply Chain ระหว่างประเทศ ซึ่งปกติแล้วจะมี 5 ขั้นตอนสำคัญ หมายความว่า 1) การลงทะเบียนผู้ผลิตชิ้นส่วนที่จะเข้าร่วมเจรจา (Supplier Registration) 2) การตรวจประเมินผู้ผลิตชิ้นส่วน (Supplier Audit) 3) การขึ้นทะเบียนเป็น Supplier ที่ได้รับการรับรอง (Approved Vendor List) 4) การพัฒนาชิ้นงานตัวอย่าง (Candidate Supplier) 5) การจัดทำคำสั่งซื้อ (Nominated Supplier)

“ในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมยานยนต์โลกกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของยานยนต์ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ ประเทศไทยที่เป็นฐานผลิตยานยนต์ของภูมิภาคร่วมกับของโลกมานาน จำเป็นต้องช่วงชิงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ประกอบกับเย้ายวนใจบริษัทที่มีเทคโนโลยีเหล่านี้ให้เข้ามาลงทุนในไทยให้มากที่สุด เพื่อรักษาฐานอุตสาหกรรม การจ้างงาน รวมทั้งธุรกิจเกี่ยวเนื่องในอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงจะสร้างโอกาสให้กับวิศวกรบวกกับแรงงานฝีมือของไทย ได้พัฒนาทักษะแล้วก็เติบโตไปกับเทคโนโลยีใหม่ในอนาคตด้วย” นายนฤตม์ กล่าว

*การให้สิทธิประโยชน์ร่วมกับตรวจสอบอย่างรัดกุม
นายนฤตม์ กล่าวย้ำว่า การให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ผลิต EV เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกราย มีเงื่อนไขชัดเจน ทั้งการใช้ชิ้นส่วนสำคัญในประเทศ การพัฒนาซัพพลายเออร์ไทยรวมถึงระบบนิเวศ อีกทั้งมีการตรวจสอบเข้มงวด โดยในส่วนของการยกเว้นอากรนำเข้า จะให้สิทธิเฉพาะเครื่องจักรประกอบไปด้วยอุปกรณ์ที่เกี่ยวกันกับสายการผลิตตามโครงการที่ได้รับส่งเสริมเท่านั้น หมายรวมไปถึงไม่มีการให้สิทธิประโยชน์ในการนำเข้าวัสดุก่อสร้าง สุขภัณฑ์ รวมถึงอุปกรณ์สำนักงาน

โดยบีโอไอจะตรวจสอบรายการเครื่องจักรทุกรายการก่อนอนุญาตให้ใช้สิทธิ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นเครื่องจักรที่ใช้ในสายการผลิตที่ได้รับส่งเสริมแค่นั้น แล้วก็เมื่อโครงการได้ลงทุนครบแล้ว จะมีการตรวจสอบสายการผลิตที่โรงงานจริง รวมถึงเงื่อนไขต่าง ๆ ประกอบไปด้วยใบอนุญาตจากหน่วยงานที่ข้องเกี่ยว เพื่อยืนยันความถูกต้องของการลงทุน

*การส่งเสริมการลงทุน กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
นายนฤตม์ กล่าวว่า ข้อมูลการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2565 – มี.ค. 2568) แสดงให้เห็นว่าโครงการที่บีโอไอส่งเสริมส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง โดยคาดว่าจะสร้างงานให้คนไทยมากกว่า 510,000 ตำแหน่ง ใช้วัตถุดิบในประเทศมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาทต่อปี ประกอบไปด้วยจะเพิ่มมูลค่าส่งออกถึง 5.8 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งหมายถึงรายได้จำนวนมากที่จะไหลเข้าสู่ผู้ผลิตวัตถุดิบประกอบกับผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานของไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมหลักอย่างยานยนต์รวมทั้งชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วก็อิเล็กทรอนิกส์

“การส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ ทำเพื่อสร้างอุตสาหกรรมที่จะเป็นอนาคตของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม BCG, ยานยนต์ไฟฟ้าหมายรวมไปถึงชิ้นส่วนสำคัญ, เซมิคอนดักเตอร์ประกอบไปด้วยอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง, ดิจิทัลแล้วก็ AI รวมทั้งการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ โดยเน้นสร้างระบบเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงและก็สร้างโอกาสให้คนไทย หากประเทศไทยไม่สามารถคว้าการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เหล่านี้มาได้ เราจะสูญเสียการจ้างงานและโอกาสทางธุรกิจอีกมากมายก่ายกอง บีโอไอขอยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างโปร่งใสหมายรวมไปถึงมุ่งประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติประกอบไปด้วยคนไทย” นายนฤตม์ กล่าวสรุป


เนื้อหาเรียบเรียงใหม่จากต้นฉบับข่าวทาง มติชนออนไลน์ อย่าพลาดเรื่องราวดี ๆ จากเรา ที่เดียว สรุปข่าวประจำวัน สรุปข่าวเด่น เรื่องราวน่าสนใจในแต่ละวัน