กรมทรัพย์สินทางปัญญ...
 

อยากมีเนื้อหาและ Backlink คุณภาพดีไหม ลองดูก่อน ราคาไม่แพง เราบริการโฆษณาสินค้าบนช่องทาง Guest Post รับรองว่าเนื้อหาคุณภาพ มีลิ้งกลับให้แบบคุณภาพ dofollow ในราคาเริ่มต้นเพียง 500 บาทเท่านั้น สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติม กดเลย [รับโฆษณาสินค้าบน Guest Post] มีเงื่อนไขไม่มาก

กรมทรัพย์สินทางปัญญา ดันนักวิจัยไทยจดสิทธิบัตรอาหารแห่งอนาคต

1 Posts
1 Users
0 Reactions
34 Views
Posts: 185
 swen
Admin
Topic starter
(@swen-post)
Member
Joined: 4 years ago

กรมทรัพย์สินทางปัญญา ดันนักวิจัยไทยเจ้าของนวัตกรรมจดสิทธิบัตรอาหารแห่งอนาคต

วันที่ 21 ตุลาคม 2568 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา(ทป.) กล่าวว่า จากข้อมูลสิทธิบัตรทั่วโลกชี้ให้เห็นว่า อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต หรืออาหารที่ปลอดภัยเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ตอบสนองวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ เช่น อาหารเสริมสุขภาพ อาหารเชิงฟังก์ชัน (Functional Food) โปรตีนทางเลือก รวมถึงอาหารออร์แกนิก เป็นต้น และสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และก็ประมาณการว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 5 แสนล้านบาทในไทยในปี 2570 ประกอบไปด้วยแม้ว่าปัจจุบันเริ่มเข้าสู่ระยะทรงตัว ไม่พุ่งแรง แต่ยังคงมีการแข่งขันสูงต่อเนื่อง

โดยประเทศที่มีจำนวนสิทธิบัตรนวัตกรรมดังกล่าวสูง ได้แก่ จีน (ครองสิทธิบัตรมากที่สุด มากกว่า 1,500 ฉบับ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา) ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา แล้วก็เกาหลีใต้ ขณะที่ประเทศที่น่าจับตาในตลาดนี้ ได้แก่ อินเดีย ซึ่งมีการเติบโตสูงกว่า 26% ต่อปี ประกอบไปด้วยฟิลิปปินส์ ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนที่เริ่มมีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นางอรมน กล่าวว่า แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมดังกล่าวเริ่มอยู่ในระยะทรงตัว แต่เมื่อเจาะลึกในรายละเอียด จะพบ 4 เทคโนโลยีกลุ่มย่อยที่กำลังมาแรงหรือเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทย ได้แก่

(1) โปรตีนจากพืชร่วมกับสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ (Plant-based Proteins & Bioactive Compounds) ซึ่งเคยถึงจุดอิ่มตัว ก่อนกลับมาเติบโตอีกครั้งหลังช่วงโควิด-19 จากเทรนด์รักสุขภาพทั่วโลก นโยบายสิ่งแวดล้อมรวมทั้งสวัสดิภาพสัตว์

โดยสถาบันการศึกษารวมทั้งหน่วยงานวิจัยเป็นผู้ถือสิทธิบัตรหลักมากกว่าภาคเอกชน ส่งผลให้ในภาพรวมมีผู้ถือสิทธิบัตรประมาณ 2,100 – 2,900 ฉบับต่อปี (2) โภชนาการเฉพาะบุคคล (Personalized Nutrition) อยู่ในระยะเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงมีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อออกแบบสูตรอาหารหรืออาหารเสริม

นางอรมน กล่าวว่า ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล โดยสาขานี้มีผู้เล่นหลากหลาย ทั้งบริษัทยาชีวภาพ หมายรวมไปถึงสถาบันวิจัย รวมผู้ถือสิทธิบัตรประมาณ 800 – 900 ฉบับต่อปี ตัวอย่างเช่น ระบบห้องครัวอัจฉริยะ การปรับเวลา อุณหภูมิ ร่วมด้วยสูตรอาหารเฉพาะบุคคล (3) เทคโนโลยีการหมัก (Fermentation Technology) เท่ากับกระบวนการใช้จุลินทรีย์เปลี่ยนวัตถุดิบอาหารให้มีคุณสมบัติใหม่ ทั้งในแง่เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการร่วมด้วยการปรับรสชาติอาหารให้ดีขึ้น ปัจจุบันถูกพัฒนาสู่เทคนิคขั้นสูง เพื่อสร้างสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ

ภาพรวมของตลาดนี้อยู่ในช่วงอิ่มตัวหากมองในเชิงปริมาณ ซึ่งมีผู้ถือสิทธิบัตรประมาณ 200 – 300 ฉบับต่อปี แต่มีการแข่งขันในเชิงคุณภาพนวัตกรรมเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีนซึ่งเป็นศูนย์กลางสำคัญของโลกที่มีสิทธิบัตรด้านการหมักจำนวนมาก เนื่องจากมีวัตถุดิบและองค์ความรู้ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น การหมักสมุนไพรจีนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพยา ร่วมด้วย (4) เทคโนโลยีการพิมพ์อาหาร 3 มิติ (3D Food Printing and Precision Nutrition)

นับเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ใช้ในการออกแบบอาหารโดยการขึ้นรูปทีละชั้น ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์อาหารที่มีโครงสร้างซับซ้อนหลากหลายรูปทรง รวมไปถึงสามารถเติมสารอาหารต่างๆ เข้าไป เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการร่วมด้วยควบคุมปริมาณองค์ประกอบต่างๆ ได้อย่างละเอียดบวกกับแม่นยำ เช่น การพิมพ์แท่งอาหารที่ปรับสัดส่วนโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน ให้ตรงความต้องการของนักกีฬาแต่ละคน การพิมพ์อาหารบดสำหรับผู้สูงอายุที่เคี้ยวยาก พร้อมเสริมสารอาหารที่จำเป็นอย่างแคลเซียมหมายรวมไปถึงโพรไบโอติกลงไปได้อย่างแม่นยำ เป็นต้น นวัตกรรมดังกล่าวมีโอกาสขยายตัวสูง โดยมีทั้งบริษัทยาร่วมกับแบรนด์อาหารระดับโลกเข้ามาร่วมพัฒนา ผู้เล่นในเทคโนโลยีนี้เชื่อมโยง 3 วงจรนวัตกรรม ตั้งแต่งานวิจัยต้นน้ำ เทคโนโลยีดิจิทัลกลางน้ำ ประกอบไปด้วยแบรนด์อาหารปลายน้ำ รวมผู้ถือสิทธิบัตรประมาณ 200 – 300 ฉบับต่อปี

นางอรมน กล่าวว่า สำหรับโอกาสบวกกับทิศทางของไทย กรมฯ มองว่า “Future Food” ไม่ใช่เพียงกระแส แต่เป็นสนามแข่งขันระดับโลกที่ไทยต้องเร่งปรับตัว โดยเฉพาะการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาประเภท “สิทธิบัตร” เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ ตามนโยบาย Quick Big Win ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ที่ผลักดันการเสริมแกร่งให้กับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ทั้งนี้ ไทยมีจุดแข็งด้านภูมิปัญญาและก็ทรัพยากรท้องถิ่นที่หลากหลาย ซึ่งผู้ประกอบการสามารถจับมือกับมหาวิทยาลัยประกอบไปด้วยสตาร์ทอัพ เพื่อบ่มเพาะนวัตกรรมในเชิงพาณิชย์ เช่น การวิจัยเพื่อค้นหาสารออกฤทธิ์ใหม่ๆ จากพืช อาทิ กระชายที่ช่วยต้านการอักเสบ ใบบัวบกที่ช่วยเสริมความจำ รวมทั้ง

การสร้างนวัตกรรมการหมักเพื่อต่อยอดสินค้า GI ในกลุ่มอาหารร่วมด้วยพืชผลทางการเกษตร เป็นต้น จะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ต้นทุนความหลากหลายทางชีวภาพ แปลงเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ไปได้ไกลในตลาดโลก นอกจากนี้ ควรมีการปรับแนวคิดในภาคอุตสาหกรรมไทย จากการ “ผลิตมากเพื่อขายวัตถุดิบ” เป็น “คิดวิจัยให้มาก เพื่อขายสิทธิบัตร” เพื่อให้คนไทยเป็นเจ้าของนวัตกรรมที่โลกต้องการ นางอรมน กล่าว

ทั้งนี้ สถิติคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรและก็อนุสิทธิบัตรกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคตในไทย ในช่วง
9 เดือนแรกของปี 2568 มีการยื่นคำขอสิทธิบัตร 190 คำขอ (ต่างชาติ 157 คำขอ รวมไปถึงไทย 33 คำขอ) แล้วก็คำขออนุสิทธิบัตร 470 คำขอ (ต่างชาติ 29 คำขอ บวกกับไทย 441 คำขอ)

สำหรับสถิติการจดทะเบียน มีการจดทะเบียนสิทธิบัตร 93 ฉบับ (ต่างชาติ 89 ฉบับ รวมถึงไทย 4 ฉบับ) ประกอบกับจดทะเบียนอนุสิทธิบัตร 163 ฉบับ (เป็นของคนไทยทั้งหมด) โดยกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคตถือเป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาจัดให้มีช่องทางเร่งรัด (Fast Track) ในการจดทะเบียน จากทั่วไปที่ใช้ระยะเวลาเฉลี่ยของการจดทะเบียนสิทธิบัตรอยู่ที่ 38.5 เดือน นับจากวันยื่นขอให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ จะเหลือใช้เวลาเพียง 12 เดือน และก็อนุสิทธิบัตรจาก 12 เดือน เหลือ 6 เดือน ซึ่งใน

ปี 2568 มีผู้ยื่นคำขอใช้ช่องทาง Fast Track 18 คำขอ ประกอบไปด้วยกรมได้จดอนุสิทธิบัตรให้แล้วจากช่องทางนี้ 16 ฉบับ เช่น ไอศกรีมนมอัลมอนด์เสริมโปรตีนจากจิ้งหรีด สารสกัดต้านอนุมูลอิสระ ข้าวเหนียวกึ่งสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์คล้ายเนื้อสัตว์ และก็สูตรผสมจุลินทรีย์โพรไบโอติก เป็นต้น


เนื้อหาเรียบเรียงใหม่จากต้นฉบับข่าวทาง มติชนออนไลน์ อย่าพลาดเรื่องราวต่าง ๆ จากที่นี่ ที่เดียว สรุปข่าวประจำวัน สรุปข่าวเด่น เรื่องราวน่าสนใจในแต่ละวัน