อยากมีเนื้อหาและ Backlink คุณภาพดีไหม ลองดูก่อน ราคาไม่แพง เราบริการโฆษณาสินค้าบนช่องทาง Guest Post รับรองว่าเนื้อหาคุณภาพ มีลิ้งกลับให้แบบคุณภาพ dofollow ในราคาเริ่มต้นเพียง 500 บาทเท่านั้น สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติม กดเลย [รับโฆษณาสินค้าบน Guest Post] มีเงื่อนไขไม่มาก
วิกฤตมะพร้าวแพง แตะลูกละ 40 บ. กะทิพุ่งทะลุโลร้อย ลามร้านขนมจีน เกินแบกจำต้องขึ้นราคาขาย ด้านกล้วยทอดกัดฟันสู้กล้วยหวีขึ้น 2 เท่า วอนรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาต้นทุน น้ำมัน-ค่าขนส่งแพง ช่วยรากหญ้าเดือดร้อนหนัก
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังว่า จากกรณีสถานการณ์มะพร้าวในพื้นที่ภาคใต้และโดยเฉพาะจังหวัดตรังยังคงขาดตลาด ทำให้ราคามะพร้าวทั้งลูกที่รับซื้อจากพ่อค้าคนกลางที่ตระเวนหาซื้อตามบ้านเรือนต่างๆ ของประชาชนราคาพุ่งสูงขึ้นเป็นกว่าเท่าตัว ส่งผลให้น้ำกะทิราคาพุ่งแตะกิโลกรัมละ 100 บาท จากเดิมราคากิโลกรัมละ 60 บาท
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจตามร้านขายอาหารที่เน้นใช้วัตถุดิบโดยเฉพาะมะพร้าว และน้ำกะทิเป็นหลัก โดยที่ร้านวิมานขนมจีนอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งทางร้านเน้นขายขนมจีนน้ำยาหลากชนิด ที่มีทั้งน้ำยาปลา น้ำยาปู ขนมจีนซาวน้ำ แกงเขียวหวาน และของหวานที่ประกอบด้วยกะทิเป็นหลัก
โดย นางอัจฉรา ว่องวรานนท์ เจ้าของร้านวิมาน บอกว่า จากล่าสุดมะพร้าวขาดตลาด ทางร้านก็ได้รับผลกระทบ จากเดิมเคยซื้อกิโลกรัมละ 60 บาท พอเข้าช่วงประมาณต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก็ได้ปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 70 บาท ซึ่งได้ไม่ถึง 2 เดือนมาวันที่ 1 ตุลาคม มะพร้าวตกอยู่ที่ลูกละ 36 บาทเกือบ 40 บาทเลย มะพร้าวสำหรับมาขูดก็ขอปรับเป็นกิโลกรัมละ 90 บาท ในส่วนน้ำกะทิ ราคาล่าสุดตอนนี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 100 บาท และเนื่องจากกะทิแพงทางร้านก็มีได้ขอปรับราคาเพิ่มขึ้นซึ่งได้แจ้งลูกค้าก่อนล่วงหน้าแล้ว และลูกค้าเข้าใจ
นางอัจฉรากล่าวอีกว่า เนื่องจากน้ำยาขนมจีนร้านเรามีหลายแบบโดยเฉพาะน้ำยาปู จากเดิมขายจานละ 60 บาทขอปรับขึ้นเป็น 70 บาท น้ำยาแกงเขียวหวานจากเดิม 30 ก็ปรับขึ้นเป็น 40 บาท ส่วนน้ำยาอื่นทั่วไปยังตรึงราคาเดิม จานละ 30 บาท ขนมหวานก็ยังตรึงราคาเดิม ไม่ได้ลดปริมาณลงยังเน้นคุณภาพ แม้กำไรจะลดลงจากเดิมก็ยังพอไปได้ เราจะเน้นกะทิสดจะทำให้อาหารอร่อย โดยราคามะพร้าวในตลาดตอนนี้ยังมีการปรับราคาขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอด คาดว่าราคาอาจปรับขึ้นอีกได้ ซึ่งตนเองก็เข้าใจลูกค้าประกอบกับภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ อยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแล หากต้นทุนปรับลงมาเราก็ปรับราคาอาหารตามลงเช่นกันเพื่อให้ลูกค้าอยู่ได้แล้วเราก็อยู่ได้ สงสารแม่ค้าสงสารผู้บริโภค และอีกอย่างอาหารไทยส่วนใหญ่จะใช้กะทิเป็นหลักอยู่แล้ว
ในขณะที่ ร้านกล้วยทอดซี 8 สาขา 2 ถนนรัษฎา ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง เป็นร้านขายขนมกล้วยทอดและมันทอด ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า ซึ่งเน้นใช้มะพร้าวขูดต่อวันถึง 3 กิโลกรัมก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยนาย ช.กฤษณพงศ์ เดชพิชัย พ่อค้ากล้วยทอด บอกว่า จากที่มะพร้าวราคาขาดตลาดและมีราคาพุ่งตนเองซึ่งเป็นพ่อค้าขายกล้วยทอดทำให้ได้รับผลกระทบเยอะมากด้วย
และปีนี้ก็มากระทบกับกล้วยน้ำว้าราคาปรับขึ้นเยอะ จากที่เคยซื้อในราคาหวีละ 20-25 บาท ตอนนี้ปรับราคาเป็น 50-55 บาท ซึ่งมะพร้าวที่ใช้เราจะเน้นใช้มะพร้าวขูด จากเดิมเราซื้อกิโลกรัมละ 60 บาท ปัจจุบันปรับราคาเป็นกิโลกรัมละ 80 บาทในช่วงระยะเวลา 1-2 เดือนที่ผ่านมา แต่ร้านก็ไม่ได้มีการปรับราคาขนมขึ้นแต่อย่างใด แม้จะได้กำไรลดน้อยลง แต่ก็ยังพออยู่ได้ พอให้ทนผ่านมรสุมนี้ไปได้เราก็อยู่ได้ คาดว่าหลังจากนี้ก็อาจจะมีปรับราคาสูงขึ้นไปอีก สำหรับมะพร้าวขูดเราเน้นใช้วันละ 2-3 กิโลกรัม ใช้เยอะ แม้แต่น้ำมันที่ใช้ทอดจากเดิมเมื่อก่อนเราซื้อถุงละ 140 บาท แต่ตอนนี้ปรับราคาขึ้น 280-300 บาท แต่เราได้มา 10 กิโลกรัมเท่าเดิม สำหรับขนมกล้วยทอด เราขายในราคาเริ่มต้น 30 บาทขึ้นไป ซึ่งไม่ได้ลดปริมาณลงแต่อย่างใด
“ผมก็คาดหวังว่าให้รัฐบาลหันมาดูแลรากหญ้า อย่างน้อยๆ ในส่วนของต้นทุนพวกค่าขนส่ง ซึ่งเป็นปัญหาเดิมๆ ของรัฐบาลที่ต้องแก้อยู่แล้ว อยากเน้นให้ดูแลตรงนี้และทุกอย่างก็จะลดลง เพราะเนื่องจากค่าน้ำมันค่าขนส่งขึ้นสินค้าอย่างอื่นเลยขึ้นตามหมด” นาย ช.กฤษณพงศ์กล่าว
ที่มาข่าว : มติชนออนไลน์